ชาวเจ็ดเสมียนร้องการรถไฟรื้อสถานีรถไฟอายุกว่า 100 ปี
ในวันนี้(1 เม.ย. 53) เวลา 10.00 น.นายพีระพล สิงหชาติปรีชากุล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้นำชาวบ้านในต.เจ็ดเสมียนกว่า 50 คน มารับฟังคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่การรถไฟ หลังชาวบ้านได้รวมตัวกันทำหนังสือร้องเรียนไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้ระงับการรื้อถอนสถานีรถไฟเจ็ดเสมียนซึ่งมีอายุกว่า 100ปี
ซึ่งเจ้าหน้าที่การรถไฟโดยนายสมชาติ อุ่นทรัพย์ สารวัตรแขวงบำรุงทางเพชรบุรี ได้ให้ข้อมูลกับชาวบ้านว่า สถานีรถไฟแห่งนี้ทางการรถไฟเป็นผู้ดูแล ชาวบ้านไม่ได้ดูแล ซึ่งเมื่อสถานีนั้นเก่าแก่และชำรุดทรุดโทรม ทางการรถไฟจึงต้องหางบประมาณมาทำการซ่อมแซม ซึ่งก็ได้งบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็งจำนวน 2 ล้านบาท จึงได้นำมาทำการก่อสร้างสถานีรถไฟเจ็ดเสมียน โดยรื้อของเก่าออกและจะทำอาคารปูนแทน เพราะเป็นสิทธิ์ของการรถไฟ และก็ได้มีการส่งมอบพื้นที่ไปให้กับบริษัทที่มารับเหมาไปแล้วตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้ทำการเริ่มรื้อถอนแล้วเมื่อวันที่ 8 มีนาคม
ซึ่งชาวบ้านที่ยังมีความผูกพันอยู่กับสถานีรถไฟแห่งนี้ ก็เลยออกมาคัดค้าน จึงต้องมาทำความเข้าใจว่า การรื้อถอนนั้นไม่ใช่การทำลายแต่เป็นการสร้างของใหม่มาทดแทน ส่วนไม้เก่าที่ทำการรื้อถอนมาแล้วทางชาวบ้านมีความเห็นว่าควรจะนำมาสร้างสถานีรถไฟตามรูปแบบเดิมเพื่อเป็นการอนุรักษ์ไว้ เพราะเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่สถานีหนึ่งที่อยู่คู่กับตลาด117 ปีเจ็ดเสมียนมานาน ซึ่งทางการรถไฟก็ไม่ขัดข้องและยินดีจะให้สถานที่ในการก่อสร้างด้วย แต่ขอให้ชาวบ้านกลับไปทำความตกลงกันเองว่าจะให้ทำแบบไหน
ทางด้านนายพีระพล สิงหชาติปรีชากุล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 กล่าวว่าชาวต.เจ็ดเสมียน นั้นผูกพันกับสถานีรถไฟแห่งมานานเพราะเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ แต่จู่ๆก็มีการรื้อถอนโดยไม่ได้บอกกับชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านที่มาเห็นว่าสถานีรถไฟถูกรื้อถอนไปแล้วหลายคนถึงกับร้องไห้ เพราะเสียดาย และที่ผ่านมาสถานีรถไฟแห่งนี้ก็ถือเป็นจุดขายและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของ อ.โพธาราม แต่ขณะนี้ไม่มีแล้ว ซึ่งชาวบ้านก็คงจะต้องมีการคุยกันอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ส่วนนางละออง ชุมชื่น อายุ 84 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 6 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม และเป็นอดีตนางงามหัวไชโป้ว 2 สมัยกล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นสถานีรถไฟเจ็ดเสมียนตั้งอยู่แล้ว คนสมัยก่อนก็เดินทางโดยรถไฟหรือไม่ก็เดิน แต่จู่ๆทางการรถไฟมารื้อก็ใจหายมาเห็นครั้งแรกที่เห็นว่าถูกรื้อถึงกับร้องไห้เลยเสียดายวิ่งเก่าแก่ซึ่งน่าจะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมได้
ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม
01/04/53
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น