ปศุสัตว์เตือนผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ให้ระมัดระวังสารตกค้างปนเปื้อนในอาหารสัตว์
ตามที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี ได้ดำเนินงานตามนโยบายของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวกับเรื่องอาหารปลอดภัยโดยควบคุมตลอดห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ การจัดการในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และการควบคุมการฆ่าสัตว์ให้ถูกสุขลักษณะและปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยในส่วนโครงการแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงหรือสารในกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ มีการตรวจสอบและควบคุมผู้ผลิต (โรงงานผลิตอาหารสัตว์) ผู้ขาย ผู้นำเข้าอาหารสัตว์ตลอดจนฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ไม่ให้ใช้สารปนเปื้อนต้องห้ามตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณอาหารสัตว์ พ.ศ.2525 ได้แก่ สารกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ กลุ่มไนโตรฟูแรนส์ กลุ่มไนโตรอิมิดาโซล คลอแรมเฟนิคอล อะโวพาร์ซิน คาร์พาด็อกซ์ โอลาควิน็อกซ์ และไดเอททิลสติลเบสโทรล เป็นวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์และการผลิตอาหารสัตว์
เนื่องจากสารเหล่านี้อาจตกค้างในเนื้อสัตว์และมีแนวโน้มก่อให้เกิดโรคมะเร็งซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนใช้สารดังกล่าว ผสมอาหารเลี้ยงสัตว์มีความผิดตามมาตรา 6(5) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2525 คือ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดราชบุรีไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องการแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดง มีการกำกับ ควบคุม ดูแล และตรวจสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งผลการดำเนินที่ผ่านมาในปี 2553 ได้มีการะดมกำลังเข้าตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงสัตว์ทุกฟาร์ม (เอ็กเซเรย์พื้นที่) ในจังหวัดราชบุรีพบว่า ยังมีผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์บางรายลักลอบใช้สารกลุ่มดังกล่าวแล้ว จำนวน 6 ฟาร์ม
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวและเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค จึงขอให้ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์เลือกใช้ยาสัตว์ที่มีทะเบียนถูกต้อง โรงฆ่าสัตว์ต้องมีการเข้มงวดในการรับสัตว์เข้าฆ่าจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน และผู้บริโภคเองต้องมีการเลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งจำหน่ายที่เชื่อถือได้ และเนื้อสัตว์มีการรับรองความปลอดภัยโดยสังเกตจากป้ายรับรองสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ปลอดภัย (เขียงสะอาด) ของกรมปศุสัตว์ และหากพบเบาะแสผู้ที่ลักลอบผลิตหรือใช้ยาสัตว์ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายให้แจ้งได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี โทรศัพท์ 032-337802,032-315301 เพื่อเข้าดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เนื่องจากสารเหล่านี้อาจตกค้างในเนื้อสัตว์และมีแนวโน้มก่อให้เกิดโรคมะเร็งซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนใช้สารดังกล่าว ผสมอาหารเลี้ยงสัตว์มีความผิดตามมาตรา 6(5) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2525 คือ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดราชบุรีไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องการแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดง มีการกำกับ ควบคุม ดูแล และตรวจสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งผลการดำเนินที่ผ่านมาในปี 2553 ได้มีการะดมกำลังเข้าตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงสัตว์ทุกฟาร์ม (เอ็กเซเรย์พื้นที่) ในจังหวัดราชบุรีพบว่า ยังมีผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์บางรายลักลอบใช้สารกลุ่มดังกล่าวแล้ว จำนวน 6 ฟาร์ม
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวและเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค จึงขอให้ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์เลือกใช้ยาสัตว์ที่มีทะเบียนถูกต้อง โรงฆ่าสัตว์ต้องมีการเข้มงวดในการรับสัตว์เข้าฆ่าจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน และผู้บริโภคเองต้องมีการเลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งจำหน่ายที่เชื่อถือได้ และเนื้อสัตว์มีการรับรองความปลอดภัยโดยสังเกตจากป้ายรับรองสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ปลอดภัย (เขียงสะอาด) ของกรมปศุสัตว์ และหากพบเบาะแสผู้ที่ลักลอบผลิตหรือใช้ยาสัตว์ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายให้แจ้งได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี โทรศัพท์ 032-337802,032-315301 เพื่อเข้าดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม
12/10/53
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น