วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

น้ำท่วมสวนผึ้งวิกฤตสะพานขาดหลายแห่ง



เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายระดมกําลังให้การช่วยเหลือ และใช้เชือกชักรอกเพื่อนำอาหารใส่ถุงโรยผ่านกระแสนํ้าที่ไหลเชื้ยวกราด เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องของอาหาร นํ้าดื่ม และยารักษาโรค

นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีพร้อมเหล่ากาชาดจังหวัดและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายระดมกําลังให้การช่วยเหลือ สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี ในวันที่ (4ต.ค.) เนื่องจากในพื้นที่ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำป่าที่ไหลจากเทือกเขาตะนาวศรีลงแม่น้ำลำภาชีปริ่มจนเกือบถึงสะพานข้ามแม่น้ำ ซึ่งเป็นสะพานสายหลักที่จะเข้าสู่อำเภอสวนผึ้ง โดนคาดว่าหากยังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องอาจทำให้สะพานพังเสียหายจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวได้

นอกจากนี้รีสอร์ดทในพื้นที่อ.สวนผึ้งหลายแห่ง อาทิ สวนผึ้งคันทรีฮิลล์รีสอร์ท ซึ่งอยู่บ้านห้วยคลุม หมู่ 6 ต.สวนผึ้ง ยังมีนักนักท่องเที่ยวติดอยู่ภายในรีสอร์ทรวมทั้งรีสอร์ทข้างเคียงอีกกว่า 40 คน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ เนื่องจากเส้นทางที่จะเข้าไปช่วยเหลือนั้นคอสะพานขาดหลายแห่งทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร อำเภอสวนผึ้ง และชาวบ้านต้องระดมกำลังช่วยกันทำสะพานชั่วคราวให้รถข้ามไปได้ เพื่อนำอาหารและน้ำดื่มไปให้นักท่องเที่ยวประทังชีวิต

ขณะที่ในพื้นที่อื่นๆของอำเภอสวนผึ้งซึ่งส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ทและบ้านพักก็ได้รับผลกระทบ เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามากทำให้ดินพังทลายหลายจุด ส่งผลให้บ้านที่ปลูกอยู่บนเนินเขาได้รับความเสียหาย

ส่วนพื้นที่ในอำเภออื่น อาทิ อำเภอปากท่อ น้ำป่าได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและท่วมพื้นที่การเกษตรเสียหายรวมทั้งหมด 8 ตำบลแล้ว ส่วนอำเภอจอมบึงและอำเภอเมืองราชบุรี น้ำป่าได้ไหลท่วมนาข้าวที่กำลังจะทำการเก็บเกี่ยวได้รวมทั้งไร่ผักและบ้านพักได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง
ด้าน นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้ประกาศให้พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมนั้นเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว และเร่งเข้าไปดูแลให้การช่วยเหลือพร้อมทั้งประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำลำภาชีหรือริมสองฝั่งลำห้วยให้เตรียมขนของย้ายหนีไปอยู่ในที่สูง เนื่องจากปริมาณน้ำป่านั้นยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่กรมชลประทานว่า จะต้องทำการระบายน้ำในเขื่อนท่าเคย อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ออกเพราะปริมาณน้ำกำลังจะล้นเขื่อน



ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม
05/810/53

ไม่มีความคิดเห็น: