ทนายร้องตำรวจจราจรใช้หลักกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงหลักจริยธรรม
นายจักรี สุขเกลอ อายุ 26ปี อาชีพทนายความ ได้เข้าร้องเรียนกับ พ.ต.ท.ปกรณ์ ปันทะยม สารวัตรฝ่ายอำนวยการ 5 ตำรวจภูธร จ.ราชบุรี ซึ่งมารับเรื่องแทน พ.ต.อ.ปรัชญ์ชัย ใจชาญสุกิจ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี ในเรื่องที่ตำรวจจราจรใช้หลักกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงหลักจริยธรรม โดยนายจักรี ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค.53 ที่ผ่านมา ตนได้พามารดาคือนางสุรินทร์ สุขเกลอ อายุ 57 ปี อยุ่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 3 ต.หลุมดิน อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งมีอาการหน้ามืดและน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง เพราะเป็นโรคเบาหวานอยุ่แล้ว เพื่อจะพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี
โดยพาซ้อนรถจักรยานยนต์มาตามถนนสายราชบุรี-เขางู เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยกเขางูได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ทำการตั้งด่านตรวจอยู่ จึงถูกเรียกให้จอดเพราะมารดาของตนที่นั่งซ้อนท้ายมาไม่ได้สวมหมวกกันน็อคนิรภัย ประกอบกับรถจักรยานยนต์ที่ตนขี่มานั้นมีอุปกรณ์ไม่ครบทั้งใบอนุญาตขับขี่ก็ไม่ได้นำมาเพราะรีบที่จะนำมารดาไปหาหมอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรก็ได้ขอทำการตรวจสอบ แต่ไม่มีเอกสารอะไร ตำรวจจึงทำการยึดกุญแจรถพร้อมกับเขียนใบสั่งให้ ในข้อหา รถอุปกรณ์ไม่ครบ ไม่มีคู่มือจดทะเบียนรถ และไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถ ตนจึงได้พยายามร้องขอว่ารีบมาเพื่อจะพาแม่ไปหาหมอ จึงไม่ได้นำมาและขออนุญาติผ่อนผันไปก่อนเพื่อจะรีบพาแม่ไปหมอ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ยอม
ตนจึงให้แม่นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปหาหมอก่อน ส่วนตนนั้นก็นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างอีกคันไปที่สภ.เมืองเพื่อเสียค่าปรับ และเมื่อมาถึงตนก็เข้าไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในห้องจราจรของสภ.เมือง เพื่อจะเสียค่าปรับและพร้อมกับต่อว่า ว่าขอความอนุเคราะห์สักคันเพื่อพาแม่ที่กำลังป่วยไปหาหมอก็ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่อยู่ในห้องนั้นก็บอกว่า เรื่องของหลักกฎหมายกับหลักจริยธรรมนั้น ต้องแยกออกจากกัน ทำให้ตนตัดสินกลับบ้านทันทีและเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆเพื่อมาดำเนินการร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเพื่อให้ดำเนินการทางด้านของวินัย
และในส่วนของรูปคดีนั้นก็จะไปดำเนินการเอง เนื่องจากไม่พอใจในคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เพราะในฐานะที่ตนเองเป็นทนายความและร่ำเรียนมานั้นก็ถูกสั่งสอนว่าให้ใช้กฎหมายควบคู่ไปกับหลักจริยธรรม และในช่วงตั้งแต่เกิดเหตุตนก็ไม่ได้บอกว่าตนเองนั้นเป็นทนายความ ซึ่งตนเชื่อว่าจะต้องมีประชาชนที่ไม่รู้ข้อกฎหมายโดนในลักษณะเดียวกับตนแน่ ตนจึงต้องการทำให้เป็นตัวอย่างกับประชาชนทั่วไป และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้หลักจริยธรรมควบคู่ไปกับกฎหมายเพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน ถ้าอะไรที่พอจะช่วยเหลือกันได้ก็น่าจะทำ และความเห็นอกเห็นใจกันก็ควรจะมี และในกรณีของตนนั้น เป็นเรื่องของลูกที่ต้องการพาแม่ที่กำลังป่วยไปหาหมอก็ยังไม่ได้รับความเห็นใจอีก
จึงต้องการให้ทางผู้บังคับบัญชานั้นได้รับทราบและดำเนินการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์ ปันทะยม สารวัตรฝ่ายอำนวยการ 5 ตำรวจภูธร จ.ราชบุรี กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้ก็จะได้นำเสนอผู้บังคับบัญชาดำเนินการต่อไป
ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม
29/07/53
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น