วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

ลุ่มน้ำแม่กลองมีจอกหูหนูยักษ์ระบาดอย่างหนัก


ลุ่มน้ำแม่กลองที่เมืองโอ่งมีจอกหูหนูยักษ์ระบาดอย่างหนัก

ดร.ศิริพร ซึงสนธิพร หัวหน้ากลุ่มวิจัยวัชพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช เปิดเผยว่า หลังจากได้นำคณะเจ้าหน้าที่ออกมาตรวจสอบการแพร่ระบาดของจอกหูหนูยักษ์ ซึ่งเป็นวัชพืชน้ำที่ร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ที่ทำให้เกิดภาวการณ์สร้างมลพิษ จากการเจริญเติบโตปกคลุมเต็มผิวน้ำ ทำให้แสงแดดส่องไม่ถึง ทำให้ไม้น้ำใต้ผิวน้ำตาย ทำให้ออกซิเจนละลายลงสู่แหล่งน้ำได้น้อย ทำให้ปลาและสิ่งมีชีวิตขาดออกซิเจน โดยอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มเป็น 2 เท่า ภายใน 4 วัน จากหนึ่งต้นสามารถเจริญปกคลุมพื้นที่ 64,750 ไร่ ภายใน 3 เดือน มีน้ำหนักถึง 64 ตัน ต่อไร่
ในขณะนี้ในเขตลุ่มน้ำแม่กลอง คณะตรวจสอบจากกรมวิชาการเกษตรพบว่ามีการแพร่ระบาด ของจอกหูหนูยักษ์แล้วตั้งแต่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรีและจังหวัดสมุทรสงคราม จอกหูหนูยักษ์เป็นเฟินน้ำที่ลอยบนผิวน้ำอย่างเป็นอิสระ ไม่ยึดเกาะดิน มีใบสีเขียว รูปไข่ ใบด้านบนมีขนแข็งสีขาว ป้องกันไม่ให้ใบเปียกน้ำ ไม่จมน้ำ มีถิ่นกำเนิดใบอเมริกาใต้ แพร่ระบาด พบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2544 ที่ตลาดจตุจักรและเริ่มแพร่ระบาดไปยังแหล่งน้ำแม่กลองเมื่อปี พ.ศ.2553 ทำให้กระแสน้ำไหลช้า กีดขวางการคมนาคมทางน้ำ
จึงเป็นพืชต้องห้ามตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2521 มีการนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในตู้ปลา การกำจัดจะต้องกำจัดโดยการใช้สวิงที่มีรูช้อนออกจากแหล่งน้ำตากให้แห้งแล้วเผาทิ้ง หรือนำไปยังดินการใช้สารกำจัดวัชพืชต้องคำนึงถึงสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำ เพราะจอกหูหนูยักษ์มีขนที่มีโครงสร้างพิเศษ ทำให้ใบไม่เปียกน้ำต้องใช้สารจับใบ
สำหรับปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาด ของจอกหูหนูยักษ์จะเหมือนกับการแพร่ระบาดของต้นผักตบชวา ซึ่งเริ่มเข้ามาสู่ประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.2444 และจากการศึกษาของกรมวิชาการเกษตรพบว่า จอกหูหนูยักษ์ไม่มีประโยชน์อย่างใดในการสร้างผลดีต่อชีวิตของมนุษย์เลย ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนได้ช่วยกันทำความรู้จักและช่วยกันกำจัดออกจากแม่น้ำแม่กลองโดยทันที

ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม
23/04/53

ไม่มีความคิดเห็น: