ไฟป่าใน อ.สวนผึ้งรุนแรงกว่าทุกปีไหม้แล้วกว่า 30,000 ไร่
จากสถานการณ์ไฟป่าที่ลุกลามไหม้ป่าในพื้นที่อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ไปแล้วกว่า 30,000 ไร่ ขณะนี้เริ่มเบาบางลงบ้างแล้ว ส่วนพื้นที่ที่เกษตรกรปลูกพืชไร่และยางพารารวมทั้งปาล์มน้ำมันได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 15,000 ไร่ จำนวนเกษตรกรที่มาลงทะเบียนแจ้งความเสียหายในเบื้องต้นนั้นมีมากกว่า 90 ราย
และในวันนี้ นายนัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร นายอำเภอสวนผึ้ง ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาผลาญ ที่บริเวณบ้านแปดเหลี่ยม หมู่ 5 ต.สวนผึ้ง เพื่อดูความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวนั้นส่วนใหญ่เกษตรกรจะปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมันและมีพืชไร่บางส่วน เช่น กล้วย ส้มและมะละกอ และกำลังจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แต่ก็มาถูกไฟไหม้หมด ซึ่งรวมพื้นที่ดังกล่าวกว่า 15,000 ไร่ บ้านถูกไฟไหม้อีก 5 หลัง และมีผู้เสียชีวิตที่ถูกไฟป่าคลอกอีก 4 ราย เป็นอาสาสมัครดับไฟป่าที่เป็นคนไทย 1 ราย ส่วนอีก 3 รายเป็นชายไทยเชื้อสายกระเหรี่ยง
โดยนายอำเภอสวนผึ้ง กล่าวว่า เข้ามาสำรวจความเสียหายจากนั้นจะได้เสนอให้ทางจังหวัดราชบุรีได้รับทราบเพื่อขอความช่วยเหลือให้กับเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้นนั้นมีผู้มาแจ้งเพียง 90 ราย และที่ยังไม่ได้มาแจ้งว่าพื้นที่ของตนเองถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายอีกมาก เชื่อว่าคงจะทยอยมาแจ้งเรื่อยๆ ส่วนสถานการณ์ไฟป่าขณะนี้เริ่มคลี่คลายแล้วเพราะชาวบ้านรวมทั้งอาสาสมัครดับไฟป่าได้ช่วยกันทำแนวกันไฟและดับไฟที่เริ่มไหม้รุนแรงมาตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.53 ที่ผ่านมา
ประกอบกับปีนี้ฝนทิ้งช่วงตั้งแต่เดือน พ.ย.52 ที่ผ่านมาทำให้แล้งนาน ต้นไม้ขาดน้ำยืนต้นตายจึงเป็นเชื้อไฟอย่างดีที่ทำให้ไฟลุกลามไปได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้สถานการณ์ไฟไหม้ป่าในปีนี้รุนแรงมากที่สุดในรอบ 15 ปี
ส่วนสาเหตุของไฟไหม้ป่าในครั้งนี้ก็มีปัจจัยมาจากหลายอย่างทั้งที่เกิดจากชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่าแล้วจุดไฟ และบางรายก็จุดไฟเผาเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน จึงทำให้เกิดไฟลุกลาม เพราะมีลมแรง ซึ่งต้นเหตุของไฟป่าในปีนี้ทราบว่ามาจากพื้นที่ อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี แล้วลุกลามเข้ามาใน อ.สวนผึ้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกัน จนทำให้เกิดไฟป่าลุกไหม้อย่างรุนแรง
ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม
17/03/53
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น