วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553

สถานการณ์น้ำในแม่น้ำแม่กลองพ้นภาวะวิกฤตแล้ว


สถานการณ์น้ำในแม่น้ำแม่กลองพ้นภาวะวิกฤตแล้ว


สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดราชบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกติดตามสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุ โมลาสไหลล้นจากถังเก็บของโรงงานน้ำตาลในจังหวัดกาญจนบุรี ไหลล้นลงสู่แม่น้ำลำกลอง โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแก้ไขจนสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จากการที่ บริษัทไทยเพิ่มพูนอุตสาหกรรมจำกัด ตั้งอยู่ที่ หมู่ 3 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ประกอบกิจการผลิตน้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายขาว เกิดเหตุถังเก็บโมลาสเกิดล้นและคันป้องกันรอบถังเก็บพังทำให้โมลาสไหลนองพื้นไหลลงท่อระบายน้ำฝนลงสู่แม่น้ำแม่กลอง ปริมาณ 150 ตัน เมื่อเวลา 05.30 น.ของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จังหวัดราชบุรีได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนที่ใช้น้ำจากแม่น้ำแม่กลอง
โดยศูนย์วิจัยและทดสอบสิ่งแวดล้อมภาคตะวันตกและกรมโรงงาน นำเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพน้ำตั้งแต่จุดเกิดเหตุจังหวัดกาญจนบุรีลงมาถึงบริเวณจุดสำคัญ รวม 7 จุด เพื่อวัดค่าออกซิเจน ขณะเดียวกันโรงงานน้ำตาลไทยเพิ่มพูนอุตสาหกรรม ฯ ได้จัดเรือหางยาวจำนวน 60 ลำ วิ่งกวนน้ำเพิ่มออกซิเจนบริเวณมวลน้ำเสียในจังหวัดราชบุรี ผู้ประกอบการเลี้ยงปลากระชังพ่นน้ำเป็นฝอยเพิ่มออกซิเจนในกระชัง รวมถึงมีการผลักดันน้ำจากเขื่อนท่าม่วงอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วงเวลาดังกล่าวคณะผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมหน่วยงานการประปาภูมิภาค สำนักงานอุตสาหกรรม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานประมงจังหวัดราชบุรีได้ลงเรือล่องแม่น้ำแม่กลองเพื่อสังเกตความเสียหาย สภาพน้ำและเก็บตัวอย่างน้ำ 6 จุดสำคัญ ผลการตรวจวัดตัวอย่างน้ำจุด 1 และจุดที่ 6 มีค่าออกซิเจนละลายน้ำสูงสุด-ต่ำสุด มีค่า 4.0 - 2.8 มิลลิกรัมต่อลิตร มีค่าคุณภาพน้ำดีขึ้นตามลำดับ
และจากการตรวจสอบไม่พบความเสียหายของสัตว์น้ำ ทั้งนี้ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงระหว่างบริษัทไทยเพิ่มพูนอุตสาหกรรมจำกัดกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นพยาน ในการปรับปรุงแก้ไขโรงงาน โดยจะปฏิบัติตามคำสั่งปรับปรุงแก้ไขโรงงานอย่างเคร่งครัด แสดงความรับผิดชอบเมื่อโรงงานก่อผลกระทบหรือสร้างความเสียหายแก่บุคคลหรือสิ่งแวดล้อมเช่นในกรณีนี้อย่างเต็มกำลังสามารถโดยยึดหลักนิติธรรมในการจัดการมลภาวะและประกอบกิจการอย่างมีจิตสำนึก ไม่ก่อผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม

ภาพ/ข่าว วิทยา เอี่ยมสำอางค์
08/03/53

ไม่มีความคิดเห็น: