ระบบ GPS ช่วยรวบแก๊งเชิดรถเช่าแล้วไม่ส่งคืนได้
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 18 ม.ค. 53 ด.ต.สุรัตน์ รูปสมศรี และด.ต.นิกร ประเสริฐสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงของสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 2 เพชรบุรี (สทล.2 กก. 2) ซึ่งเข้าเวรรถทางหลวงหมายเลขที่ 2204 ได้รับแจ้งจากกองบังคับการตำรวจทางหลวงว่า ขอให้สกัดจับรถปิกอัพยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน ถฎ-9903 กทม.ซึ่งเป็นรถที่แจ้งหายไว้ที่สภ.เมือง สาขาย่อยรัตนาธิเบตร์ อ.เมือง จ.นนทบุรี และรถคันดังกล่าวนั้นติดตั้งระบบ ดาวเทียมติดตามรถ(GPS) ไว้ โดยระบบGPS ได้ส่งสัณญาณว่ารถคันดังกล่าวมุ่งหน้าเข้าสู่จ.ราชบุรี และเลี้ยวซ้ายเข้าในซอยบ้านบ่อมะกรูด ต.บ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และขณะนี้ทางเจ้าของรถได้ตัดสัณญาณ GPS ซึ่งทำให้เครื่องดับไม่สามารถสตาร์ทติดได้ จึงได้วิทยุแจ้งขอกำลังจากสภ.โพธาราม เพื่อเข้าตรวจสอบในบริเวณดังกล่าว และพบว่ารถคันดังกล่าวนั้นจอดอยู่ในบ้านเลขที่ 4/1 หมู่ 7 ต.บ้านฆ้อง อ.โพธาราม จึงได้เข้าไปตรวจสอบพบนายภาณุพันธ์ โรจนกร อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว กำลังนั่งเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถจากป้ายเขียว ทะเบียน ภฎ 9903 ราชบุรี มาเป็นป้ายแดงทะเบียน ก-5289 กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดรถไว้และนำตัวนายภาณุพันธ์มาทำการสอบสวนที่สภ.โพธาราม
จากการสอบสวนนายภาณุพันธ์ให้การเบื้องต้นว่า รถคันดังกล่าวนั้นมีญาติๆรับจำนำมาและให้ตนไปขับมาให้ และที่ต้องเปลี่ยนป้ายเพราะอ้างว่ารถยังติดไฟแนนซ์อยู่จึงกลัวว่าจะมาตามยึดจึงต้องเปลี่ยนป้ายเพื่อเอามาขับใช้ก่อน และจะนำไปส่งให้นายเล็ก ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นคนอำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบถรี ขณะที่กำลังทำการสอบสวนอยู่นั้น ร.ต.ท.ณฐกร นบนอบ พนักงานสอบสวนของสภ.เมือง สาขาย่อยรัตนาธิเบตร์ ซึ่งเป็นเจ้าของคดี ได้เดินทางมาดูรถของกลางที่สภ.โพธาราม และได้พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า ยาริส สีดำ หมายเลขทะเบียน ชป-4449 กทม. ซึ่งเป็นเช่าของบริษัทสัจจะธุรกิจยานยนต์ ที่มีการแจ้งหายไว้ที่สภ.เมือง สาขาย่อยรัตนาธิเบตร์ เช่นกันและมีระบบ GPS ติดตามรถด้วย ที่บริเวณถนนสายหนองกลางแตง – โพธาราม จึงได้แจ้งให้ทางบริษัทฯตัดสัณญาณรถคันดังกล่าว ทำให้รถดับเจ้าหน้าที่จึงได้ไปตรวจสอบพบว่า เป็นรถคันเดียวกันกับที่แจ้งหายไว้ จึงได้ควบคุมตัวนายสุวิทย์ โชติอธิพงษ์ อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 2 ต.สร้อยฟ้า อ.โพธาราม ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวมาทำการสอบสวน
โดยทั้งสองนั้นให้การเหมือนกันว่ารถทั้งสองคันนั้นเป็นรถที่มีญาติๆเป็นผู้รับจำนำไว้และนำมาใช้เอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากการตรวจสอบแล้วพบว่ารถทั้งสองคันนั้นเป็นรถเช่าของบริษัทสัจจะธุรกิจยานยนต์ ที่มีนางสาวสมพร พรหมโสดา อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/19 ซอยรังสิต- นครนายก 24 ซอย1 ถนนประชาธิปัตย์ อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี เป็นผู้เช่า และเมื่อครบกำหนดกลับไม่ยอมส่งคืนรถ ทางบริษัทฯจึงได้แจ้งความรถหายไว้และใช้ระบบ GPS ติดตามรถจนทราบว่ารถนั้นอยู่ที่ใดและสามารถติดตามรถคืนมาได้ ส่วนผู้เช่ารถนั้นทราบว่ามีหมายจับในหลายท้องที่ของจ.ปทุมธานีและจ.นนทบุรี ในคดียักยอกทรัพย์ และเชื่อว่าน่าจะทำเป็นแก๊ง โดยเช่ารถมาและนำมาจำนำอีกทอดหนึ่ง ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองที่ถุกจับได้นั้นได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ว่าร่วมกันยักยอกทรัพย์และรับของโจร และจะได้ติดตามขยายผลต่อไป
ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม
ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม
19/01/53
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น