สำนักพลังงานจังหวัดราชบุรี ประชุมกำหนดมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหาภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นการดำเนินการเพื่อแก้ไขและป้องกันให้ทันต่อเหตุการณ์ จึงขอความร่วมมือจากเจ้าของสถานีบริการน้ำมัน ในกรณีย์เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่ห้องประชุมหลวงยกกระบัตร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดราชบุรี นายกิตติ ทรัพย์วิสุทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง
เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผันผวนและมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเป็นลำดับ น้ำมันดิบลดน้อยลง หาซื้อได้ยากขึ้น ซึ่งจะมีผลให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศสูงตามไปด้วย ก่อให้เกิดภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นในประเทศไทย เพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของประเทศและความผาสุกของประชาชน จำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขและป้องกันภาวการณ์ดังกล่าวให้ทันต่อเหตุการณ์ ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการ ขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 ( ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2520
การประชุมครั้งนี้ มีหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดราชบุรีร่วมประชุม โดยกำหนดให้มีการตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันในจังหวัดโดยจัดแบ่งเป็นทีม ๆ ละ 3 คน ตรวจสอบตั้งแต่ หลังเที่ยงคืนจนถึง 6 โมงเช้าแต่เนื่องจากมีเจ้าหน้าไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องแบ่งสายให้เจ้าหน้าที่ของท้องที่นั้นๆ ร่วมตรวจสอบด้วย และขอความร่วมมือจากเจ้าของสถานีบริการเติมน้ำมันด้วย เพราะปัจจุบันเจ้าของสถานีบริการน้ำมันส่วนใหญ่มีฐานะดีอยู่แล้ว ค่าการตลาดก็มาก จึงขอให้มีความซื่อสัตย์ต่อหลักการการบริหารจัดการ เนื่องจากภาษีจากหัวจ่ายน้ำมัน เป็นรายได้ที่เข้ารัฐซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน
ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์
เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผันผวนและมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเป็นลำดับ น้ำมันดิบลดน้อยลง หาซื้อได้ยากขึ้น ซึ่งจะมีผลให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศสูงตามไปด้วย ก่อให้เกิดภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นในประเทศไทย เพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของประเทศและความผาสุกของประชาชน จำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขและป้องกันภาวการณ์ดังกล่าวให้ทันต่อเหตุการณ์ ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการ ขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 ( ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2520
การประชุมครั้งนี้ มีหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดราชบุรีร่วมประชุม โดยกำหนดให้มีการตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันในจังหวัดโดยจัดแบ่งเป็นทีม ๆ ละ 3 คน ตรวจสอบตั้งแต่ หลังเที่ยงคืนจนถึง 6 โมงเช้าแต่เนื่องจากมีเจ้าหน้าไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องแบ่งสายให้เจ้าหน้าที่ของท้องที่นั้นๆ ร่วมตรวจสอบด้วย และขอความร่วมมือจากเจ้าของสถานีบริการเติมน้ำมันด้วย เพราะปัจจุบันเจ้าของสถานีบริการน้ำมันส่วนใหญ่มีฐานะดีอยู่แล้ว ค่าการตลาดก็มาก จึงขอให้มีความซื่อสัตย์ต่อหลักการการบริหารจัดการ เนื่องจากภาษีจากหัวจ่ายน้ำมัน เป็นรายได้ที่เข้ารัฐซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน
ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
แสดงความคิดเห็น