พ.ต.ต.ภูริสิทธิ์ ทิมทอง สว.สส.หน.ชุดเฉพาะกิจ ภ.ปทุมธานี ได้นำกำลังเดินทางมาประสานกับ พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดราชบุรี นำกำลังเข้าทำการตรวจค้น"ร้านเด่นชัยธุรกิจ"เลขที่ 84 ริมถนนสาย หุบกระทิง–หนองหิน หมู่ 11 ต.เบิกไพร อ.บ้านโป่ง เป็นของ นายสมคิด เด่นชัยเจริญกุล อายุ 45 ปี ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นรองประธานสภาเทศบาลตำบลเบิกไพร ประกอบอาชีพ เปิดอู่ซ่อมรถยนต์ และรับเหมาถมที่ดิน
ทั้งนี้เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่ารถยนต์บรรทุกแบบพ่วง ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 82-6428 นครสวรรค์ และตัวพ่วง ทะเบียน 82-6429 นครสวรรค์ ซึ่งถูกคนร้ายกลุ่มหนึ่งทำการปล้นทรัพย์ ในพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา แล้วกลุ่มคนร้ายได้นำรถบรรทุกที่ปล้น มาทำการซุกซ่อนไว้ที่ อู่ซ่อมรถด้านหลังของร้านดังกล่าว
จากการตรวจสอบภายอู่ ด้านหลังของร้าน พบคนงานจำนวนหนึ่งกำลังช่วยกันรื้อแยกชิ้นส่วนของรถบรรทุกที่จอดอยู่ในอู่ และคนงานอีกส่วนหนึ่งกำลังช่วยกันใช้แก้สตัดแซสซีตัวถังรถแยกออกเป็นชิ้นๆเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้วยังพบรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ แบบดั๊มที่ถูกดัดแปลงสภาพแล้วจำนวน 4 คัน จอดอยู่ จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่ารถบรรทุก 1 ในจำนวนนั้น เป็นรถบรรทุกคันที่ถูกปล้นมาจากพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ถูกนำมาดัดแปลงสภาพ และใช้ทะเบียน 82-0720 กาญจนบุรี สวมแทน เจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานคือใบอนุญาตขับรถของ นายวิรัช ขำบุญรอด อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกคันที่ถูกคนร้ายปล้นในวันเกิดเหตุแล้วจับมัดด้วยเชือกทิ้งไว้ข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำคนงานทั้งหมด 5 คน มาสอบสวน ซึ่งคนงานทั้งหมดให้การว่า อู่ดังกล่าวกล่าวเป็นของ นายสมคิด เด่นชัยเจริญกุล ได้ว่าจ้างพวกตนทั้งหมดมาทำงานในอู่ ซึ่งแต่ละเดือนจะมี นายบันเทิง ไม่ทราบนามสกุล คนสนิทของนายสมคิด จะเป็นผู้นำรถบรรทุก 10 ล้อ รุ่นใหม่ๆ ขับมาให้ที่อู่เป็นประจำ ต่อจากจากนั้น นายสมคิด ก็จะสั่งให้พวกตนทำการแยกรถบรรทุกออกเป็นชิ้นส่วน และรถบางคันก็จะสั่งให้ทำการดัดแปลงสภาพโดยการตอกเลขแซสซีและเลขเครื่องใหม่ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำคนงานอย่างละเอียดเพื่อกันไว้เป็นพยาน ซึ่งขณะที่กำลังตำรวจเข้าทำการตรวจค้น นายสมคิด รองประธานสภา เจ้าของอู่ ได้ไหวตัวหลบออกจากบ้านไปก่อนหน้าแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ ทำการบันทึกอายัดชิ้นส่วนและรถบรรทุกไปเก็บไว้ที่ สภ.อ.บ้านโป่ง ส่วนรถยนต์บรรทุกคันที่ถูกคนร้ายปล้น ได้มอบให้ทาง สภ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี นำกลับไป สำหรับตัว นายสมคิด รองประธานสภา เจ้าของอู่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ออกหมายเรียก มาสอบปากคำพร้อมแจ้งให้รับทราบข้อกล่าวหาต่อไป.
ภาพ/ข่าว ประทีป 5 ธ.ค.51
ทั้งนี้เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่ารถยนต์บรรทุกแบบพ่วง ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 82-6428 นครสวรรค์ และตัวพ่วง ทะเบียน 82-6429 นครสวรรค์ ซึ่งถูกคนร้ายกลุ่มหนึ่งทำการปล้นทรัพย์ ในพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา แล้วกลุ่มคนร้ายได้นำรถบรรทุกที่ปล้น มาทำการซุกซ่อนไว้ที่ อู่ซ่อมรถด้านหลังของร้านดังกล่าว
จากการตรวจสอบภายอู่ ด้านหลังของร้าน พบคนงานจำนวนหนึ่งกำลังช่วยกันรื้อแยกชิ้นส่วนของรถบรรทุกที่จอดอยู่ในอู่ และคนงานอีกส่วนหนึ่งกำลังช่วยกันใช้แก้สตัดแซสซีตัวถังรถแยกออกเป็นชิ้นๆเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้วยังพบรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ แบบดั๊มที่ถูกดัดแปลงสภาพแล้วจำนวน 4 คัน จอดอยู่ จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่ารถบรรทุก 1 ในจำนวนนั้น เป็นรถบรรทุกคันที่ถูกปล้นมาจากพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ถูกนำมาดัดแปลงสภาพ และใช้ทะเบียน 82-0720 กาญจนบุรี สวมแทน เจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานคือใบอนุญาตขับรถของ นายวิรัช ขำบุญรอด อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกคันที่ถูกคนร้ายปล้นในวันเกิดเหตุแล้วจับมัดด้วยเชือกทิ้งไว้ข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำคนงานทั้งหมด 5 คน มาสอบสวน ซึ่งคนงานทั้งหมดให้การว่า อู่ดังกล่าวกล่าวเป็นของ นายสมคิด เด่นชัยเจริญกุล ได้ว่าจ้างพวกตนทั้งหมดมาทำงานในอู่ ซึ่งแต่ละเดือนจะมี นายบันเทิง ไม่ทราบนามสกุล คนสนิทของนายสมคิด จะเป็นผู้นำรถบรรทุก 10 ล้อ รุ่นใหม่ๆ ขับมาให้ที่อู่เป็นประจำ ต่อจากจากนั้น นายสมคิด ก็จะสั่งให้พวกตนทำการแยกรถบรรทุกออกเป็นชิ้นส่วน และรถบางคันก็จะสั่งให้ทำการดัดแปลงสภาพโดยการตอกเลขแซสซีและเลขเครื่องใหม่ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำคนงานอย่างละเอียดเพื่อกันไว้เป็นพยาน ซึ่งขณะที่กำลังตำรวจเข้าทำการตรวจค้น นายสมคิด รองประธานสภา เจ้าของอู่ ได้ไหวตัวหลบออกจากบ้านไปก่อนหน้าแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ ทำการบันทึกอายัดชิ้นส่วนและรถบรรทุกไปเก็บไว้ที่ สภ.อ.บ้านโป่ง ส่วนรถยนต์บรรทุกคันที่ถูกคนร้ายปล้น ได้มอบให้ทาง สภ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี นำกลับไป สำหรับตัว นายสมคิด รองประธานสภา เจ้าของอู่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ออกหมายเรียก มาสอบปากคำพร้อมแจ้งให้รับทราบข้อกล่าวหาต่อไป.
ภาพ/ข่าว ประทีป 5 ธ.ค.51
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น