วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

เจ้าอาวาสวัดบ้านหลวงร้องถูกชาวบ้านอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินวัด


เจ้าอาวาสวัดบ้านหลวงร้องถูกชาวบ้านมาอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินวัด

พระครูสิริรัตน์ โสภณ เจ้าอาวาสวัดบ้านหลวง หมู่ 4 ต.วัดแก้ว อ.บางแพ จ.ราชบุรี ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูร่องรอยของป่าบริเวณโดยรอบของวัดที่ถูกชาวบ้านอ้างว่าเป็นที่ของตัวเองเข้ามาแผ้วถางและตัดต้นไม้ โดยพระครูสิริรัตน์ ซึ่งเป็นพระที่เหลืออยู่รูปเดียวภายในวัด เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2517 ชาวบ้านได้ไปนิมนต์พระมาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้เนื่องจากเดิมนั้นไม่มีพระมาจำพรรษาทำให้กลายเป็นวัดร้าง
ต่อมาก็มีพระครูธรรมกิจ สุนทร หรือหลวงพ่อป้อม มาเป็นเจ้าอาวาสและได้ทำการซื้อที่ดินที่อยู่โดยรอบวัดอีกกว่า 10 ไร่ ซึ่งเป็นป่าเพื่อให้เป็นที่ธรณีสงฆ์ โดยยื่นคำขอจากวัดร้าง มาเป็นวัดที่มีพระอยู่โดยนำเอกสารที่ดินประมาณ 6-7ไป ยื่นคำขอ ซึ่งในสมัยนั้นมีเพียงใบ สค.1 เท่านั้น
ต่อมาหลวงพ่อป้อมเกิดป่วยและมรณภาพ ทำให้ลูกๆเจ้าของที่ดินเดิมที่เคยมีการซื้อขายกันมาก็มาอ้างว่าเป็นที่ดินของตัวเองบอกว่าทางแม่ของตนนั้นยังไม่ได้ยกให้วัดและการซื้อขายนั้นก็ยังทำไม่เรียบร้อยและจะเข้ามาอยู่พร้อมกับออกโฉนด ตามที่ทางการได้อนุญาตให้ผู้ที่ถือใบสค.1 มายื่นเรื่องขอออกโฉนดฟรี โดยมีทั้งหมด 3 แปลงที่อยู่รอบวัดและไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆและบางแปลงก็มีโฉนดแล้วแต่มีการรุกล้ำกันอยู่ จำนวน 3 แปลง ซึ่งขณะนี้ทุกแปลงก็ยังมีข้อพิพาทกันอยู่
โดยเรื่องนั้นรอการพิจารณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ทางเจ้าของที่ดินเดิมนั้นอ้างว่ามีสิทธิ์จึงได้เข้ามาแผ้วถาง จนอาตมาต้องแจ้งทางตำรวจของสภ.บางแพให้เข้ามาระงับเหตุจนกว่าจะพิสูจน์สิทธิ์กันให้แน่ชัด ซึ่งอาตมาสงสัยว่าแต่เดิมนั้นทำไมไม่มีการมาเรียกร้องสิทธิ์ในที่ดินก่อนหน้านี้ จนหลวงพ่อป้อมองค์ที่เคยซื้อขายที่ดินมาเป็นของวัดนั้นมรภาพจึงมาเรียกร้อง ซึ่งพยานหลักฐานต่างๆนั้นก็ยังมีหลงเหลือให้เห็นทั้งกุฎิเก่า และศาลาเก่าก็ถูกผู้ที่มาอ้างเป็นเจ้าของที่มารื้อทำลายออกหมด
ส่วนพยานที่รู้เห็นในการซื้อขายที่ดินนั้นก็ยังมีอยู่หลายคนทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นที่ดินของวัดแล้ว เพราะมีการซื้อขายแล้วและมีการมอบใบสค.1 มาให้นานแล้ว และวัดเองก็ดูแลพื้นที่นี้มามากกว่า 20ปี แต่พอจะให้ไปเป็นพยานกลับบอกว่าไม่อยากมีปัญหากับเจ้าของที่ดิน ทำให้อาตมากลุ้มใจมากแม้ว่าจะร้องคัดค้านในการออกเอกสารสิทธิ์ในทุกแปลงที่ข้อพิพาทอยู่ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
เพราะทุกวันนี้พยายามรักษาป่า โดยการปลูกต้นไม้แต่กลับถูกข่มขู่ต่างๆนานา ทั้งยิงปืนขู่กลางดึกก็มาเดินในวัดเพื่อให้อาตมากลัวแล้วย้ายไปอยู่อื่นเหมือนพระรูปอื่นๆที่เคยมาอยู่แล้วก็ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นเพราะเบื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่อาตมานั้นไม่ย่อท้อเพราะการทำทั้งหมดนั้นทำเพื่อวัด ไม่ได้คิดเกรงกลัวต่อคำขู่หรือการร้องเรียนใดๆ
แต่อาตมาขอทำในสิ่งที่ถูกต้อง และอยากร้องขอให้ผู้ที่รู้เห็นในเรื่องดังกล่าวนั้นช่วยออกมาเป็นพยานให้กับทางวัดด้วยเพื่อไม่ให้ที่ธรณีสงฆ์ตกไปเป็นของผู้หนึ่งผู้ใด


ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม
07/04/53

ไม่มีความคิดเห็น: