ห้ามปรามหลานขี้เมาส่งเสียงดัง กลายเป็นชนวนทะเลาะถึงขั้นตบตี สุดท้ายบรรดาลโทสะคว้ากระถางต้นไม้ทุ่มใส่หัวลุงตายคาที่
พ.ต.ท. อเนก บุตรดี สารวัตรเวร สภ. โพธาราม จังหวัดราชบุรี รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายในบ้านเลขที่ 135 หมู่ 6 ต. บางโตนด อ.โพธาราม จึงพร้อมด้วยกำลังชุดสืบสวน แพทย์เวรโรงพยาบาลโพธาราม และมูลนิธิสว่างราชบุรี เดินทางไปยังที่เกิดเหตุเป็นบ้านก่อสร้างด้วยคอนกรีตชั้นเดียว ที่ลานหน้าบ้านพบข้าวของกระจายเกลื่อน กระถางต้นไม้แตกกระจายปะปนกับกองเลือดกระเซ็นสาดไปทั่วบริเวณ ที่เกิดเหตุพบศพนายชะลอ โตพฤกษา อายุ 63 ปี เจ้าของบ้านนอนตายจมกองเลือด
สอบสวนนางวงเดือน กองสินแก้ว อายุ 39 ปี ภรรยา ผู้ตาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ นายก้องวัฏ หรือเดือน โตพฤกษา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 4 ต.บางโตนด ซึ่งเป็นลูกชายผู้ตายทีเกิดจากเมียเก่า มาที่บ้านพร้อมกับนายรักเกียรติ หรือนายดำ สุดกลอง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 6 ต.บางโตนด มีศักดิ์เป็นหลานผู้ตาย ทั้งคู่อยู่ในอาการเมาสุรา เมื่อมาถึงก็คว้าสิ่งของใกล้มือขว้างปาเข้าใส่ประตูบ้าน ตนและผู้ตายจึงออกมาห้ามปรามแต่ถูกนายดำบุกเข้าชกจนปากแตก จึงพาลูกสาวหนีออกที่เกิดเหตุเพื่อไปตามเพื่อนบ้านมาช่วย พอกลับมาอีกครั้งก็พบว่านายชะลอนอนตายจมกองเลือดไปแล้ว
ตำรวจสืบพบว่านายรักเกียรติ หรือดำ หนีกลับไปบ้าน จึงติดตามไปจับตัว พบว่านายดำยังอยู่ในอาการเมาสุรา เสื้อผ้าและกางเกงเปื้อนเลือด นำตัวไปสอบสวนนายดำให้การว่า โกรธแค้นที่ ผู้ตายกล่าวหาว่าเป็นผู้ขโมยเลื่อยจิ๊กซอไป ตนปฏิเสธพร้อมกับทวงเงินที่ผู้เป็นลุงติดค้างอยู่ เป็นค่าแรงงานที่เคยไปช่วยงานซ่อมแซมเรือโบราณที่ผู้ตายรับงานมา แต่ผู้ตายไม่ให้เกิดโต้เถียงกันรุนแรงอยู่หน้าบ้าน นายเดือนเห็นท่าไม่ดีจึงหนีกลับบ้านตามลำพัง ส่วนนายดำยังทะเลาะกับผู้ตายไม่เลิก ผู้ตายไปหยิบมีดมาฟันตนจนได้รับบาดเจ็บ จึงบันดาลโทสะคว้ากระถางต้นไม้ใกล้มือทุ่มใส่หัวผู้เป็นลุงจนล้มลงถึงแก่ความตาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามไปจับกุมตัวนายเดือนเพื่อนนายดำมาสอบปากคำเพิ่ม และให้การในลักษณะเดียวกัน จึงควบคุมตัวนายดำ ไว้ดำเนินคดี ส่วนนายเดือนกันตัวไว้เป้นพยานต่อไป
ภาพ/ข่าว ประทีป 13 พ.ย. 51
สอบสวนนางวงเดือน กองสินแก้ว อายุ 39 ปี ภรรยา ผู้ตาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ นายก้องวัฏ หรือเดือน โตพฤกษา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 4 ต.บางโตนด ซึ่งเป็นลูกชายผู้ตายทีเกิดจากเมียเก่า มาที่บ้านพร้อมกับนายรักเกียรติ หรือนายดำ สุดกลอง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 6 ต.บางโตนด มีศักดิ์เป็นหลานผู้ตาย ทั้งคู่อยู่ในอาการเมาสุรา เมื่อมาถึงก็คว้าสิ่งของใกล้มือขว้างปาเข้าใส่ประตูบ้าน ตนและผู้ตายจึงออกมาห้ามปรามแต่ถูกนายดำบุกเข้าชกจนปากแตก จึงพาลูกสาวหนีออกที่เกิดเหตุเพื่อไปตามเพื่อนบ้านมาช่วย พอกลับมาอีกครั้งก็พบว่านายชะลอนอนตายจมกองเลือดไปแล้ว
ตำรวจสืบพบว่านายรักเกียรติ หรือดำ หนีกลับไปบ้าน จึงติดตามไปจับตัว พบว่านายดำยังอยู่ในอาการเมาสุรา เสื้อผ้าและกางเกงเปื้อนเลือด นำตัวไปสอบสวนนายดำให้การว่า โกรธแค้นที่ ผู้ตายกล่าวหาว่าเป็นผู้ขโมยเลื่อยจิ๊กซอไป ตนปฏิเสธพร้อมกับทวงเงินที่ผู้เป็นลุงติดค้างอยู่ เป็นค่าแรงงานที่เคยไปช่วยงานซ่อมแซมเรือโบราณที่ผู้ตายรับงานมา แต่ผู้ตายไม่ให้เกิดโต้เถียงกันรุนแรงอยู่หน้าบ้าน นายเดือนเห็นท่าไม่ดีจึงหนีกลับบ้านตามลำพัง ส่วนนายดำยังทะเลาะกับผู้ตายไม่เลิก ผู้ตายไปหยิบมีดมาฟันตนจนได้รับบาดเจ็บ จึงบันดาลโทสะคว้ากระถางต้นไม้ใกล้มือทุ่มใส่หัวผู้เป็นลุงจนล้มลงถึงแก่ความตาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามไปจับกุมตัวนายเดือนเพื่อนนายดำมาสอบปากคำเพิ่ม และให้การในลักษณะเดียวกัน จึงควบคุมตัวนายดำ ไว้ดำเนินคดี ส่วนนายเดือนกันตัวไว้เป้นพยานต่อไป
ภาพ/ข่าว ประทีป 13 พ.ย. 51
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น