วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทหารบินตวรจพื้นที่ป่าพบชาวบ้านลักลอบตัดต้นไม้กลางป่าลึก


ทหารร่วมกับป่าไม้บินพบชาวบ้านเข้าไปไร่เลื่อนลอยกลางป่าลึก



ในวันนี้(14ก.ค.53) เวลา 10.00 น. พ.อ.ทนงศักดิ์ มหาวงศ์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.สวนผึ้ง และสภ.บ้านคา จ.ราชบุรี นำเฮลิคอปเตอร์จากชุดปฎิบัติการการบินกองทัพบก กองกำลังสุรสีห์ ขึ้นบินสำรวจที่บริเวณช่องจะเอวเขตรอยต่อ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี กับ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่าว่า พบกลุ่มชาวบ้านซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนไทยเชื้อสายกระเหรี่ยงหรือกลุ่มคนไม่ทราบสัญชาติ เข้ามาทำไร่เลื่อนลอยและแผ้วถางป่าที่บริเวณกลางป่าลึกซึ่งเป็นป่าต้นน้ำอยู่ในเขตรักษาพันธุ์ป่าแม่น้ำภาชี

จึงสนธิกำลังทั้งทางบก และทางอากาศ โดยจัดเจ้าหน้าที่เดินเท้าซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ ทหารพราน เจ้าหน้าที่ของหน่วยรักษาพันธุ์ป่าแม่น้ำภาชี ชาวบ้านและพรานนำทางเข้าไปตรวจสอบ จำนวนกว่า 50 นาย โดยใช้เวลาเดินเท้าเข้าไปล่วงหน้า 3 วัน เนื่องจากสภาพภูมิประเทศนั้นเป็นป่าลึก จึงสามารถสื่อสารได้เพียงวิทยุเท่านั้น และจัดชุดสำรวจทางอากาศ โดยนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจพบว่า ป่าในพื้นที่ดังกล่าวนั้นยังเป็นป่าสมบูรณ์ แต่พบว่ามีการลักลอบตัดต้นไม้ใหญ่จำนวนหลายต้น และพบมีการบุกรุกทำไร่เลื่อนลอยโดยมีการสร้างที่พักชั่วคราวกระจัดกระจายอยู่ไม่ต่ำกว่า 5 หลัง

 และพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถางไปแล้วกว่า 10 ไร่ ส่วนตัวผู้กระทำผิดนั้นยังไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากอยู่ในที่สูง เฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถลงจอดได้ จึงได้บันทึกภาพและนำมาทำบันทึกเพื่อส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป และจะได้ประสานกับหน่วยที่เดินเท้าเข้าไปเพื่อเข้าไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง หากพบตัวผู้กระทำความผิดก็จะดำเนินการจับกุมทันที ส่วนท่อนไม้ที่พบนั้นทางกรมป่าไม้ไม่สามารถที่จะนำออกนอกพื้นที่ได้ จึงต้องปล่อยทิ้งไว้ และเข้าไปตรวจสอบเป็นประจำจนกว่าไม้จะเสื่อมสภาพ

โดย พ.อ.ทนงศักดิ์ มหาวงศ์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ ได้กล่าวว่ากลุ่มคนที่เข้ามาทำไร่เลื่อนลอยนั้นน่าจะอพยพมาจากสองพื้นที่รอยต่อจ.ราชบุรีและจ.เพชรบุรี และเชื่อว่าน่าจะเป็นคนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ไม่ใช่กองกำลังหรือชนกลุ่มน้อย แต่อย่างใด เนื่องจากบริเวณสันแดนนั้นมีแนวของทหารพม่าและทหารไทยตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน จึงไม่น่าจะมีกองกำลังหรือชนกลุ่มน้อยเล็ดลอดเข้ามาได้ ซึ่งการเข้ามาทำไร่เลื่อนลอยในพื้นที่ดังกล่าวนั้นถือว่าผิดกฎหมายหากพบตัวผู้กระทำผิดก็ต้องมีการจับกุมและผลักดันออกนอกพื้นที่ เพื่อไม่ให้มีการขยายพื้นที่ทำกินเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม



ภาพ/ข่าว  ภัทรพงศ์ คำเปรม
14/07/53

ไม่มีความคิดเห็น: