วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

พบสองตายายอยู่แบบแร้นแค้นไม่มีน้ำไฟใช้


พบสองตายายอยู่แบบแร้นแค้นไม่มีน้ำไฟใช้มากว่า 20 ปี วอนผู้ใจบุญช่วย
ที่บริเวณซอยศิริชัย 1 ถนนเขางู-เจดีย์หัก เขตเทศบาลเมืองราชบุรี มีสองตายายคู่หนึ่งที่ต้องอยู่อย่างแร้นแค้น ไม่มีลูกหลานมาเลี้ยงดู ไม่มีน้ำประปา ไฟฟ้าใช้ แม้แต่บ้านที่อยู่อาศัยก็กำลังจะพังลงแล้ว ซึ่งสองตายายคู่นี้ก็คือ ตาบุญธรรม สาสะ อายุ 87 ปี กับยายเกลียว สาสะ อายุ 67 ปี อาศัยอยู่ในกระท่อมข้างกำแพงเมรุเผาศพของวัดโรงช้าง โดยในอดีตนั้นตาบุญธรรม นั้นเป็นคนจ.สุพรรณบุรี แต่หนีสงครามเมื่อครั้งญี่ปุ่นมาทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเร่ร่อนมาเรื่อยจนมาอยู่ที่จ..ราชบุรี เมื่อกว่า 70 ปี และมาทำงานรับจ้างทั่วไป ก่อนจะได้มาเป็นสัปเหร่อที่วัดโรงช้าง
จากนั้นก้ได้พบกับยายเกลียวซึ่งก็เร่ร่อนจากจังหวัดในภาคอีสานมาตั้งแต่เด็กๆ และมารับจ้างทั่วไปในจ.ราชบุรี ทั้งสองจึงได้มาใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 30 ปี แล้ว โดยยายเกลียวนั้นจะออกไปรับจ้างนวดแผนโบราณตามบ้าน ต่อมาเมื่ออายุมากขึ้นสายตาเริ่มฝ้าฟาง หูเริ่มตึงทางวัดก็เลิกจ้างให้เป็นสัปเหร่อตาบุญธรรมจึงออกมาหาเก็บของเก่าขาย เพราะไม่มีลูกหลานจะมาเลี้ยงดู เมื่อทำงานไม่ไหวเพราะปวดขาและหูก็ไม่ได้ยิน จึงต้องอยู่บ้านปล่อยภาระทั้งหมดให้กับยายเกลียวต้องออกไปหางานทำเพียงคนเดียว บางวันถ้ามีคนจ้างนวด หรือจ้างทำงานบ้านก็จะมีเงินซื้อข้าวสารและกับข้าวมาให้ตาบุญธรรมกิน แต่ถ้าไม่มีใครจ้างก็ต้องอดกินทั้งคู่ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงสงสารก็จะแบ่งมาให้เป็นประจำ บ้านไม้ที่อาศัยอยู่ก็พุพังตามกาลเวลา หลังคารั่วจนแทบจะหาที่ซุกหัวนอนไม่ได้ในช่วงที่มีฝนตก ต้องหาฟืนมาหุงข้าวใช้เทียนแทนแสงสว่างเพราะทั้งไฟฟ้าและน้ำประปาไม่ใช้ เนื่องจากทั้งและตายนั้นจากบ้านมาตั้งแต่เล็กๆไม่มีเอกสารติดตัวเลย ทำให้ใช้สิทธิ์อะไรไม่ได้เลย
แม้ว่าเพื่อนบ้านจะช่วยกันไปติดต่อหน่วยงานต่างๆ เพื่อจะไปขอความช่วยเหลือให้มีเอกสารต่างๆเพื่อจะได้ใช้สิทธิ์ที่มี ทั้งเรื่องของการรักษาพยาบาล สิทธิ์ของผู้สูงอายุ แต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลเลย จึงทำให้กลายเป็นบุคคลที่สังคมลืม ทั้งที่อยู่ในสังคมเมืองที่มีความเจริญ มากว่า 30 ปีแล้ว จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าไปให้ความช่วยเหลือในเรื่องของเอกสิทธิ์ต่างๆที่สองตายายนั้นควรจะได้รับ หรือให้ความช่วยเหลือในด้านที่อยู่อาศัยที่กำลังจะพังลงตามเจ้าของบ้านที่ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกสักกี่วัน
ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม
21/01/53

ไม่มีความคิดเห็น: