เจ้าหน้าที่สนธิกำลังตรวจสอบบุกรุกที่ป่าในสวนสมเด็จฯ พ.อ.สมบัติ ศูนย์กลาง รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดราชบุรี พ.อ.วิวัฒน์ สายวิจิตร ผู้บังคับการกรมพัฒนาที่ 1 ค่ายศรีสุริยวงศ์ จังหวัดราชบุรี เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวณชายแดนที่ 137 อำเภอสวนผึ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวนผึ้ง และเจ้าหน้าที่รับผิดชอบอีกหลายหน่วยงานร่วมกันสนธิกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ บริเวณหมู่ 3 บ้านตะเคียนทอง บ้านไทรงาม หมู่ 4 บ้านห้วยม่วง และบ้านโป่งแห้ง หมู่ 6 ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าที่บริเวณดังกล่าวนั้นมีนายทุนเตรียมการก่อสร้างบ้านเรือนที่พักอาศัยคล้ายรีสอร์ทอยู่ติดกันประมาณ 6 หลัง ในพื้นที่โครงการสวนป่าสิริกิตติ์ ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทางอำเภอจัดสรรให้กับราษฎรที่อพยพมาจากพื้นที่สวนสมเด็จฯ ให้ครอบครัวละ 12 ไร่ จำนวน 75 ครอบครัวรวม 108 แปลง ในเนื้อที่ 1,200 ไร่ เพื่อให้ปลูกพืชผักทางการเกษตรและสร้างบ้านเรือนอาศัยและห้ามมีการซื้อขายถ่ายโอนนอกจากมีการตกทอดให้ลูกหลานทำกิน แต่ผู้ที่ได้รับกรรมสิทธิ์ดังกล่าวได้ขายที่ดินให้กับนายทุนเข้าไปบุกรุกเตรียมสร้างรีสอร์ท ถือเป็นการครอบครองผิดเงื่อนไข ทั้งที่ผู้ที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่มีการจัดสรรให้นั้นก็รู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถซื้อ ขาย ถ่ายโอนหรือเช่าได้ โดยที่ผ่านมาผู้มีสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ให้ถูกต้องมีการเพิกถอนไปแล้ว 7 แปลง และจากการตรวจสอบแล้วพบว่าพื้นที่จัดสรรให้กับราษฎรนั้นส่วนใหญ่ถูกเปลี่ยนมือไปแล้วเหลือแค่เพียง 10 แปลงเท่านั้นที่เจ้าของยังเป็นคนเดิม ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องตรวจสอบว่ามีเจ้าของสิทธิ์คนใดที่ขายที่ดินไปแล้ว ก็จะต้องทำการเพิกถอนสิทธิ์และยึดพื้นที่คืนทั้งหมดซึ่งมีนับพันไร่ และจะต้องทำการตรวจสอบไปที่อบต.ตะนาวศรี ด้วยว่ามีการเก็บภาษีในพื้นที่ที่จัดสรรให้กับราษฎรทำกินได้อย่างไร เพราะไม่มีเอกสารใดๆในการไปยื่นขอภาษี มีเพียงใบ ภบท.5 ซึ่งไม่สามารถที่จะใช้เสียภาษีได้ ส่วนที่บ้านโป่งแห้ง หมู่ 6 บ้านห้วยน้ำหนัก เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบมีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมันกว่า 100 ไร่ ทั้งนี้ต้องติดตามเจ้าของที่ดินนำหลักฐานมาพิสูจน์สิทธิ์ว่ามีการถือครองที่ดินอย่างไร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าอยู่ในพื้นที่ป่า
ขณะเดียวกันที่บริเวณกลางแม่น้ำลำภาชี ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบ ที่มาของนายทุนนำดินลูกรังไปถมกั้นทางน้ำไหลบริเวณกึ่งกลางสะพานเป็นแนวยาวไปเพื่อกั้นเป็นตลิ่งกันน้ำกัดเซอะ โดยจะต้องตรวจสอบเอกสารสิทธิ์อีกครั้งว่าล้วงล้ำลำน้ำแม่น้ำภาชีหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้นำข้อมูลทั้งหมดเข้าหารือในที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการระดับจังหวัดอีกครั้ง
ภาพ/ข่าว ประทีป 14-08-52
ขณะเดียวกันที่บริเวณกลางแม่น้ำลำภาชี ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบ ที่มาของนายทุนนำดินลูกรังไปถมกั้นทางน้ำไหลบริเวณกึ่งกลางสะพานเป็นแนวยาวไปเพื่อกั้นเป็นตลิ่งกันน้ำกัดเซอะ โดยจะต้องตรวจสอบเอกสารสิทธิ์อีกครั้งว่าล้วงล้ำลำน้ำแม่น้ำภาชีหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้นำข้อมูลทั้งหมดเข้าหารือในที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการระดับจังหวัดอีกครั้ง
ภาพ/ข่าว ประทีป 14-08-52
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น